แอป Nucleus® Smart: คุณสมบัติ
เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณติดตามตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการได้ยิน และสามารถจับได้เมื่อมีเสียงพูดคุย ตารางแสดง “ระยะเวลาการได้ยิน” บนหน้าจอ ช่วยติดตามระยะเวลาที่ใช้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีเสียงพูดคุย หากคุณใช้อุปกรณ์เสริมการสตรีม (เช่น iPhone ที่ใช้งานร่วมกันได้) เวลานั้นจะถูกคำนวณเช่นกันและจะเพิ่มลงใน ‘ระยะเวลาการได้ยิน’
ระยะเวลาที่ใช้ในสภาพแวดล้อมการได้ยิน สัมพันธ์กับความก้าวหน้าในเส้นทางการได้ยินของคุณ เป้าหมายของ “ระยะเวลาการได้ยิน” แตกต่างกันไปในแต่ล่ะคน ขึ้นอยู่กับวัย ครอบครัว และการทำงาน รวมถึงสถานที่ในเส้นทางการฟังของคุณ วิธีเริ่มต้นที่ดีคือติดตาม “ระยะเวลาการได้ยิน” ในสัปดาห์หรือช่วงเวลานั้นๆ และตั้งเป้าหมายสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อดูการพัฒนาของคุณ
คำแนะนำในแอป Nucleus Smart สามารถช่วยคุณเพิ่ม “ระยะเวลาการได้ยิน”
เมื่อเครื่องแปลงสัญญาณเสียงไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ฝัง จะเรียกว่า “คอยล์หลุด” “จำนวนครั้งที่คอยล์หลุด” หมายถึงจำนวนครั้งที่เครื่องแปลงสัญญาณเสียงไม่ได้เชื่อมต่อในช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะโดยเจตนา (เช่น ขณะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือขณะกำลังอาบน้ำ) และเหตุการณ์เมื่อคอยล์ไม่ได้เชื่อมต่อโดยไม่เจตนา (เช่น คอยล์หลุดโดยไม่ตั้งใจ) “คอยล์หลุด” อาจถูกบันทึก หากมีปัญหาเกี่ยวกับคอยล์เคเบิลของเครื่องแปลงสัญญาณเสียง
จำนวนครั้งที่ “คอยล์หลุด” แตกต่างกันไปในแต่ล่ะคน ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของคุณ การสร้างค่าพื้นฐานสำหรับคุณเองเป็นความคิดที่ดี คุณสามารถใช้ค่าเฉลี่ยของจำนวนครั้งที่ “คอยล์หลุด” เพื่อทำความเข้าใจจำนวนครั้งที่ปกติสำหรับคุณและลูก คุณสามารถบันทึกจำนวน “คอยล์หลุด” ในแต่ล่ะวันเช่นกัน เมื่อคุณมั่นใจว่าจำนวนครั้งที่ “คอยล์หลุด” โดยไม่ตั้งใจนั้นมีน้อยหรือไม่มีเลย คุณสามารถใช้ค่าพื้นฐานเพื่อระบุว่าจำนวน “จำนวนครั้งที่คอยล์หลุด” ที่พบมากกว่าปกติหรือไม่
คำแนะนำในแอป Nucleus Smart สามารถช่วยคุณลดจำนวนครั้งที่ “คอยล์หลุด”
หมายเหตุ: จำนวนครั้งที่คอยล์หลุดในตัวติดตามการได้ยินภายในแอป Nucleus Smart ไม่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ฝัง Nucleus 22
การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องแปลงสัญญาณเสียงที่ใช้งานร่วมกันได้กับอุปกรณ์ Apple ที่ใช้งานร่วมกันได้ของคุณอาจขาดหายไป ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงมีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่เพียงพอ
เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในอนาคต ตรวจสอบให้แน่ใจว่า iPhone หรือ iPod touch ที่ใช้งานร่วมกันได้และเครื่องแปลงสัญญาณเสียงกำลังเปิดอยู่ของคุณได้เปิดใช้งาน Bluetooth® และอุปกรณ์ Apple ที่ใช้งานร่วมกันได้ของคุณอยู่ในระยะของตัวเครื่อง (อย่างน้อยหนึ่งครั้งตอนเช้า และหนึ่งครั้งตอนกลางคืน)
โปรดจำไว้ว่า แอป Nucleus Smart ต้องกำลังทำงานอยู่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงสถานะการทำงานบนหน้าจอ
ไม่จำเป็น คุณเพียงแค่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ Apple ที่ใช้งานร่วมกันได้และเครื่องแปลงสัญญาณเสียงที่ใช้งานร่วมกันได้ของคุณเปิดอยู่ทั้งคู่และอยู่ใกล้กันอยู่เสมอ (อย่างน้อยหนึ่งครั้งตอนเช้า และหนึ่งครั้งตอนกลางคืน) โดยที่เปิดใช้งาน Bluetooth อยู่ และแอป Nucleus Smart กำลังทำงานบนอุปกรณ์ Apple ที่ใช้งานร่วมกันได้
ไม่ใช่ ความเป็นส่วนตัวของคุณคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา เครื่องแปลงสัญญานเสียงของคุณติดตามตรวจสอบสภาพแวดล้อมและตรวจจับบทสนทนา แต่ไม่บันทึกเสียง
ForwardFocus เปิดใช้งานโดยแพทย์ภายในซอฟต์แวร์ปรับแต่ง Custom Sound Pro fitting และสามารถควบคุมโดยผู้ใช้ด้วยแอป Nucleus Smart หรือเป็นโปรแกรมอัตโนมัติ ForwardFocus สามารถช่วยคุณได้ยินดีขึ้นในสิ่งแวดล้อมที่ขัดขวางการได้ยิน ถ้าเปิดใช้งานโดยแพทย์ของคุณ จะสามารถเปิดหรือปิดได้ในแท็ป ‘โปรแกรม’ ของแอป Nucleus Smart
เมื่อเปิดแล้ว ForwardFocus จะลดเสียงรบกวนที่มาจากด้านหลังของคุณ เพื่อให้คุณได้ยินเสียงพูดของผู้ที่อยู่ด้านหน้าคุณชัดเจนขึ้น เพียงเปิดใช้งานในสภาพแวดล้อมที่คุณต้องการตั้งใจฟังผู้พูดที่อยู่ข้างหน้าคุณ และปิดเมื่อไม่จำเป็น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณอยู่ในที่เงียบสงบ
ForwardFocus มีอยู่ในเครื่องแปลงสัญญาณเสียงรุ่น Nucleus 8 Nucleus 7 และ Kanso 2 ForwardFocus จำเป็นต้องเปิดใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินของคุณ โปรดติดต่อ Cochlear หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินของคุณเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
การซิงโครไนซ์ข้อมูลคือคุณสมบัติของแอป Nucleus Smart ซึ่งทำให้ข้อมูลจากเครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณซิงโครไนซ์กับ Cochlear Cloud
หากมีการเปิดใช้งานการซิงโครไนซ์ข้อมูล ข้อมูลตัวติดตามการได้ยินของคุณจะถูกสำรองและรวบรวมจากทุกอุปกรณ์ที่มีการบันทึกข้อมูล ซึ่งหมายความว่า แม้คุณจะทำโทรศัพท์หาย ข้อมูลของคุณก็จะไม่หายไปเมื่อคุณเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์อื่น
เมื่อคุณเข้าคู่เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณกับแอป Nucleus Smart คุณจะถูกถามว่าต้องการเปิดใช้งานการซิงโครไนซ์ข้อมูลหรือไม่ การเปิดใช้งานคุณสมบัติการซิงโครไนซ์ข้อมูลหมายความว่า ข้อมูลจากตัวติดตามการได้ยินของคุณจะซิงโครไนซ์กับ Cochlear Cloud หากไม่ได้เปิดใช้งานการซิงโครไนซ์ข้อมูล ข้อมูลจากตัวติดตามการได้ยินจะถูกเก็บรักษาอยู่บนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้นและจะไม่ซิงโครไนซ์
Remote Check เป็นเครื่องมือทดสอบที่บ้านที่สะดวกสบายซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ที่มีเครื่องแปลงสัญญาณเสียงที่เข้ากันได้สามารถตรวจการได้ยินได้โดยไม่ต้องเดินทางไปที่คลินิก
แพทย์อาจขอให้คุณ (หรือลูกของคุณ) ดำเนินการ Remote Check เพื่อติดตามความคืบหน้าของคุณ หรือแทนที่การนัดหมายตามปกติ
Remote Check อาจมีการประเมินอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมดดังต่อไปนี้:
- ภาพบริเวณที่อุปกรณ์ฝัง
- แบบสอบถามด้านสุขภาพการได้ยิน
- แบบสอบถามฮาร์ดแวร์
- การทดสอบเกณฑ์ความช่วยเหลือ
- การทดสอบเสียงพูด (การทดสอบสามหลัก)
- การตรวจอุปกรณ์ฝัง
กิจกรรม Remote Check ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในแอป Nucleus Smart และคล้ายกับกิจกรรมที่คุณทำที่คลินิก
ผล Remote Check จะถูกส่งไปยังแพทย์ของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบและจะแจ้งให้คุณทราบหากต้องการดำเนินการเพิ่มเติม
Remote Check ไม่มีให้บริการในทุกประเทศ และแพทย์ผู้รักษาต้องเปิดใช้งานก่อน คุณจึงจะสามารถเข้าถึงแอพนี้ได้
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Remote Check ได้ที่นี่: www.cochlear.com/remotecare
หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับ Remote Check โปรดติดต่อแพทย์ผู้รักษาของคุณ หรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Cochlear ค้นหาศูนย์บริการลูกค้าใกล้บ้านคุณได้ที่นี่:www.cochlear.com/customer-service
Cochlear Remote Assist ช่วยให้คุณสามารถนัดหมายวิดีโอตามกำหนดเวลากับแพทย์ของคุณผ่านแอป Nucleus Smart คุณจึงสามารถเข้าถึงการดูแลแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องไปที่คลินิก
ในระหว่างเซสชัน Remote Assist เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณจะเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์การเขียนโปรแกรมที่ใช้ในคลินิก เช่นเดียวช่วยให้คุณสามารถพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความคืบหน้าของการได้ยินของคุณ ซึ่งหมายความว่าแพทย์ของคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้หากจำเป็น และการเปลี่ยนแปลงจะถูกบันทึกลงในเครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณโดยอัตโนมัติ
Remote Assist ไม่มีให้บริการในทุกประเทศ และแพทย์ผู้รักษาต้องเปิดใช้งานก่อน คุณจึงจะสามารถเข้าถึงแอปนี้ได้
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Remote Assist ได้ที่นี่: www.cochlear.com/remotecare
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Remote Assist โปรดติดต่อแพทย์ผู้รักษาของคุณ หรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Cochlear ค้นหาศูนย์บริการลูกค้าใกล้บ้านคุณได้ที่นี่:www.cochlear.com/customer-service
Remote Check และRemote Assist จะปรากฏในเมนูแอป Nucleus Smart ของคุณ หากคุณไม่เห็นตัวเลือกเหล่านี้ในเมนู โปรดติดต่อแพทย์ของคุณเพื่อตรวจสอบว่าได้คุณลงทะเบียนโดยใช้บัญชีอีเมลที่ถูกต้องแล้ว
ส่วนหนึ่งของการลงทะเบียนของคุณคือแพทย์จะขอให้คุณทำ Remote Check เพื่อประเมินสุขภาพการได้ยินในปัจจุบันของคุณ คุณจะได้รับอีเมลพร้อมคำแนะนำง่ายๆ และคุณสามารถทำ Remote Check โดยใช้แอป Nucleus Smart ของคุณเองได้
หากแพทย์ของคุณต้องการที่จะเชื่อมต่อกับคุณผ่านการนัดหมายวิดีโอ Remote Assist คลินิกของคุณจะติดต่อคุณเพื่อกำหนดเวลา เมื่อถึงเวลานัดหมาย คุณสามารถเข้าร่วมเซสชัน Remote Assist ผ่านตัวเลือก 'Remote Assist' ในเมนูแอป Nucleus Smart ของคุณ
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องแปลงสัญญาณเสียง อุปกรณ์ฝัง ระบบปฏิบัติการ และอุปกรณ์ที่เข้ากันได้กับบริการ Cochlear’s Remote Care ไปที่ www.cochlear.com/compatibility
หากคุณต้องทำกิจกรรม Remote Check บน iPod touch ให้เสร็จเรียบร้อย คุณจะต้องเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
หากคุณกำลังใช้อุปกรณ์ที่เข้ากันได้เพื่อทำ Remote Check หรือสำหรับเซสชัน Remote Assist อุปกรณ์นั้นจะต้องเปิดใช้งานข้อมูลหรือเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
Cochlear มุ่งมั่นในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของลูกค้าตามนโยบายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบด้านการคุ้มครองข้อมูล ด้วยเหตุนี้ เราจึงใช้เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูง ทั้งนี้ก็เพื่อรับรองความปลอดภัยของข้อมูลของคุณ ข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการจัดการตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเราซึ่งมีอยู่ที่ www.cochlear.com/privacy
การรักษาการได้ยินและการใช้อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อาจได้ผลลัพธ์แตกต่างออกไป และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะแนะนำคุณเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ ปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานเสมอ ผลิตภัณฑ์บางตัวอาจมีในบางประเทศเท่านั้น กรุณาสอบถามรายละเอียดจากตัวแทนจำหน่าย Cochlear ในพื้นที่ใกล้เคียงสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์