แอป Baha® Smart: คำถามที่พบบ่อย
แอป Baha Smart เข้ากันได้กับเครื่องแปลงสัญญาณเสียงรุ่น Baha 5 และใหม่กว่า
Cochlear ตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปกับรุ่นสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ และระบบปฏิบัติการที่ระบุใน www.cochlear.com/compatibility. ตรวจสอบว่าคุณใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด (เว้นแต่ว่า Cochlear จะแจ้งเป็นอย่างอื่น)
แม้ว่าแอปจะทำงานบนอุปกรณ์อื่นๆ ได้หากแอปนั้นเป็นไปตามข้อกำหนดของระบบปฏิบัติการขั้นต่ำและข้อกำหนดของ Bluetooth® และการทำงานที่เกี่ยวข้องเปิดใช้งานโดยผู้ผลิตโทรศัพท์และผู้ให้บริการ เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าแอปจะทำงานตามที่ตั้งใจไว้
แอปจะมีคำแนะนำบนหน้าจอในการแก้ปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ
ระดับแบตเตอรี่ในเครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณอาจจะต่ำเกินไปที่จะรองรับการเชื่อมต่อ ลองเปลี่ยนแบตเตอรี่ จากนั้นเริ่มแอปอีกครั้ง
อาจมีปัญหากับการเชื่อมต่อระหว่าง iPhone และเครื่องแปลงสัญญาณเสียง ของคุณ ตรวจดูให้แน่ใจว่าเปิด Bluetooth ไว้ และลองยกเลิกการจับคู่เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณกับ iPhone แล้วจับคู่อีกครั้งและเริ่มแอป
การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องแปลงสัญญาณเสียงกับสมาร์ทโฟนอาจขาดหายได้ หากสมาร์ทโฟนและเครื่องแปลงสัญญาณเสียงอยู่ห่างกันเกินไปหรือมีสิ่งกีดขวาง หากต้องการสร้างการเชื่อมต่อใหม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องแปลงสัญญาณเสียงอยู่ในขอบเขตของสัญญาณของสมาร์ทโฟนของคุณ
หากคุณพบปัญหาการเชื่อมต่อหลังจากการอัปเดตระบบปฏิบัติการของ iPhone ที่เข้ากันได้ ให้ยกเลิกการจับคู่เครื่องแปลงสัญญาณเสียง เริ่มต้น Bluetooth ใหม่ จากนั้นจับคู่และเชื่อมต่อเครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณ
ไม่มีระยะห่างที่เจาะจง เนื่องจากจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ระดับแบตเตอรี่ของเครื่องแปลงสัญญาณเสียง วัตถุที่กั้นกลาง และสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่
หากการเชื่อมต่อขาดหายไปในระหว่างเซสชัน Remote Assist คุณควรเริ่มต้นเครื่องแปลงสัญญาณเสียงใหม่และอนุญาตให้แอปเชื่อมต่อใหม่ เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณจะเปลี่ยนกลับไปเป็นการปรับและการตั้งค่าที่มีก่อนเซสชัน เว้นแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินของคุณจะบันทึกไว้ในเครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณก่อนการเชื่อมต่อจะขาดหาย
เฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินของคุณเท่านั้นที่สามารถเริ่มต้นเซสชัน Remote Assist ใหม่ได้
เมื่อคุณจับคู่เครื่องแปลงสัญญาณเสียงกับ iPhone ที่เข้ากันได้ คุณสามารถเริ่มรับการสตรีมเสียงซึ่งรวมถึงการโทร ดนตรี และการแจ้งเตือนได้ด้วย
หากต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าการสตรีมเริ่มต้น ให้ไปที่ Settings (การตั้งค่า) > Accessibility (การช่วยการเข้าถึง) > Hearing Devices (อุปกรณ์ช่วยฟัง)
- เพื่อป้องกันไม่ให้สตรีมเสียงเรียกเข้าไปยังเครื่องแปลงสัญญาณเสียง ให้ปิดใช้งาน ‘Play Ringtones’ (เล่นเสียงเรียกเข้า)
- เพื่อป้องกันไม่ให้สตรีมเสียงจากการโทรไปยังเครื่องแปลงสัญญาณเสียง ให้แตะ ‘Audio Routing’ (การกำหนดเส้นทางเสียง) แล้วแตะ ‘Call Audio’ (เสียงการโทร) แล้วเลือก ‘Never Hearing Aids’ (ไม่ต้องสตรียมไปยังเครื่องช่วยฟัง)
- เพื่อป้องกันไม่ให้ดนตรีหรือเสียงอื่นๆ สตรีมไปยังเครื่องแปลงสัญญาณเสียง (รวมถึงฟังก์ชัน ‘Live Listen’ (ฟังสด)) ให้แตะ ‘Media Audio’ (เสียงมีเดีย) แล้วเลือก ‘Never Hearing Aids’ (ไม่ต้องสตรียมไปยังเครื่องช่วยฟัง)
หลังจากเชื่อมต่อเครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณกับแอปแล้ว คุณสามารถเลือกที่จะเข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงชุดคุณสมบัติทั้งหมดได้ หากคุณเลือกที่จะไม่เข้าสู่ระบบในตอนแรก คุณสามารถแตะ ‘Unlock’ (ปลดล็อค) เพื่อเข้าสู่ระบบในภายหลังได้
การเข้าถึงชุดคุณสมบัติทั้งหมดช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งเสียงเครื่องแปลงสัญญาณเสียงได้โดยการปรับอีควอไลเซอร์หรือเลือกค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้า เพื่อสร้างรายการโปรดของคุณเอง และเพื่อใช้บริการ Cochlear Remote Care* เมื่อคุณเข้าสู่ระบบแล้ว คุณสามารถลงทะเบียนเครื่องแปลงสัญญาณเสียงเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการรับประกันได้ (หากยังไม่ได้ลงทะเบียน)
การเชื่อมต่อกับเครื่องแปลงสัญญาณเสียงของคุณอาจสูญหาย เมื่อมีการเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง คุณจะสามารถเปลี่ยนโปรแกรมได้อีกครั้ง
ตัวแสดงสถานะแบตเตอรี่ในแอปจะแสดงระดับพลังงานในปัจจุบันของแบตเตอรี่ในเครื่องแปลงสัญญาณเสียงว่าเต็มหรือต่ำ ความแรงของแบตเตอรี่ต่ำ หมายความว่า การทำงานแบบไร้สายใกล้จะหยุดตัวลง และควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ดังกล่าวในอีกไม่ช้า
เครื่องแปลงสัญญาณเสียง Baha ใช้แบตเตอรี่แบบซิงค์-แอร์ ซึ่งให้พลังไฟฟ้าในระดับที่สม่ำเสมอแทบจะตลอดเวลา จนกว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมด จากนั้นแบตเตอรี่จะหมดลงอย่างรวดเร็ว
ไม่ แอปไม่ได้ส่งผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อการใช้แบตเตอรี่ของเครื่องแปลงสัญญาณเสียง การทำงานของแอปจะใช้แบตเตอรี่บางส่วนจาก iPhone เช่นเดียวกับแอปอื่นๆ
ได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตั้งค่าเป็นคู่อย่างถูกต้องระหว่างการลองใช้กับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลการได้ยิน และจับคู่ทั้งคู่กับสมาร์ทโฟน ที่รองรับ
ได้ หากคุณจับคู่อุปกรณ์มือถือของคุณกับ เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของลูกของคุณ คุณสามารถควบคุมและเฝ้าติดตามการใช้งานในระยะห่าง แต่คุณต้องอยู่ในขอบเขตของสัญญาณ
หมายเหตุ: เมื่อคุณจับคู่เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของลูกคุณกับ iPhone ที่เข้ากันได้ ลูกของคุณสามารถเริ่มได้รับการสตรีมเสียง ซึ่งรวมถึงการโทร ดนตรี และการแจ้งเตือนจาก iPhone ของคุณได้ด้วย
หากต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าการสตรีมเริ่มต้น ให้ไปที่ Settings (การตั้งค่า) > Accessibility (การช่วยการเข้าถึง) > Hearing Devices (อุปกรณ์ช่วยฟัง)
- เพื่อป้องกันไม่ให้สตรีมเสียงเรียกเข้าไปยังเครื่องแปลงสัญญาณเสียง ให้ปิดใช้งาน ‘Play Ringtones’ (เล่นเสียงเรียกเข้า)
- เพื่อป้องกันไม่ให้สตรีมเสียงจากการโทรไปยังเครื่องแปลงสัญญาณเสียง ให้แตะ ‘Audio Routing’ (การกำหนดเส้นทางเสียง) แล้วแตะ ‘Call Audio’ (เสียงการโทร) แล้วเลือก ‘Never Hearing Aids’ (ไม่ต้องสตรียมไปยังเครื่องช่วยฟัง)
- เพื่อป้องกันไม่ให้ดนตรีหรือเสียงอื่นๆ สตรีมไปยังเครื่องแปลงสัญญาณเสียง (รวมถึงฟังก์ชัน ‘Live Listen’ (ฟังสด)) ให้แตะ ‘Media Audio’ (เสียงมีเดีย) แล้วเลือก ‘Never Hearing Aids’ (ไม่ต้องสตรียมไปยังเครื่องช่วยฟัง)
Disclaimer
Please seek advice from your health professional about treatments for hearing loss. Outcomes may vary, and your health professional will advise you about the factors which could affect your outcome. Always follow the directions for use. Not all products are available in all countries. Please contact your local Cochlear representative for product information.
For a full list of Cochlear’s trademarks, please visit our Terms of Use page.
* มีให้บริการในบางประเทศ
Apple, iPhone และ Apple Watch เป็นเครื่องหมายการค้าของ Apple Inc. ที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
เครื่องหมายคำและโลโก้ Bluetooth® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Bluetooth SIG, Inc. และการใช้งานเครื่องหมายดังกล่าวโดย Cochlear Limited นั้นอยู่ภายใต้ใบอนุญาต